10 วิธีใช้เกียร์ออโต้ แบบอยู่ด้วยกันนานๆ

 

 

ผู้สร้างรถยนต์เกือบทุกค่าย ต่างพากันใส่เกียร์ออโต้ไว้ให้เป็นช่องทางของลูกค้า ที่ใช้งานจำนวนมากในเมืองที่มีภาวะการจราจรหนาแน่น ทำให้การขับขี่มีความสะดวกสบายเยอะขึ้นเรื่อยๆกว่าครั้งก่อนมากมาย เนื่องจากว่าเท้าซ้ายไม่ต้องรอเหยียบครัชให้วุ่นวายอีกต่อไป พวกเรามาดูแนวทางการขับรถเกียร์อัตโนมัติที่ถูกแล้วก็มีคุณประโยชน์ต่อเกียร์และก็กระเป๋าของท่านกันเลยดีกว่านะครับ

 

1 ไม่สมควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรคติดอยู่ไว้
การขับรถเกียร์ออโต้โดยปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษแบบนักแข่งรถ ควรที่จะใช้เท้าขวาเพียงแค่เท้าเดียวสำหรับการเหยียบคันเร่งเบรค ไม่สมควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรค ใครที่ไม่ค่อยได้ขับเกียร์ออโต้มักสับสน อันนี้เข้าใจเลย

 

2 เบรคด้วยเท้าขวาแค่นั้น
สำหรับท่านที่เพิ่งเริ่มขับขี่รถ พึงระลึกว่าเบรคด้วยเท้าขวาแค่นั้น แล้วก็เหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตารท์รถยนต์ เพื่อจะได้ป้องกันอันตรายหากแม้ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่ง(P)หรือ(N)ก็ตาม แล้วก็เหยียบเบรคทุกครั้งที่มีการแปลงตำแหน่งเกียร์ว่าง( N ) หรือเกียร์หยุด (P) ไปเป็นเกียร์เดินหน้า (D) หรือเกียร์ถอยหลัง (R) จำไว้จนขึ้นใจนะครับ และเมื่อรถยนต์อยู่กับที่ ให้เหยียบเบรคก่อนทุกหนก่อนขยับเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเกียร์ ซึ่งตรงนี้รถรุ่นใหม่ๆจะบังคับให้เหยียบเบรกอยู่แล้ว

 

3 ควรจะให้รถยนต์หยุดสนิทก่อนเปลี่ยนเกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง
หากท่านเลื่อนคันเกียร์ออกมาจากตำแหน่งเดินหน้า (D) ไปเป็นตำแหน่งถอยหลัง (R) หรือเปลี่ยนแปลงจากตำแหน่งถอยหลัง (R) ไปเป็นตำแหน่งเดินหน้า (D) ควรจะให้รถยนต์หยุดสนิทให้เรียบร้อยก่อน หลายคนขับแบบใจร้อนและก็ไม่ถูกแนวทาง โดยรถยนต์ยังคงเคลื่อนอยู่ก็รีบเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ จะมีผลให้เกียร์มีอายุการใช้งานที่สั้น อย่าลืมว่า ค่าซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่ในรถยนต์บางรุ่นแพงสูงมาก และคุณคงไม่อยากเจอแน่ๆ

 

4 ไม่ควรเปลี่ยนเกียร์ N และก็ปล่อยไหลเพราะคิดว่าช่วยประหยัดน้ำมันได้
ในขณะที่รถยนต์วิ่งอยู่ไม่สมควรเข้าเกียร์ตำแหน่ง (N) ดังเช่นว่าเห็นไฟแดงด้านหน้าแต่ว่ายังอีกไกล กลัวว่าจะไม่ประหยัดน้ำมัน ท่านก็เลยเข้าเกียร์ในตำแหน่ง (N) แล้วก็ปล่อยให้รถยนต์ไหลไปจนกระทั่งไฟแดง รถยนต์เกือบทุกรุ่นในช่วงปัจจุบันใช้ระบบหัวฉีดควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ที่ล้ำยุค การจ่ายเชื้อเพลิงขึ้นตรงกับลิ้นปีกผีเสื้อ ถ้าหากท่านยกเท้าออกมาจากคันเร่งลิ้นปีกผีเสื้อก็จะปิดโดยทันที เซนเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อจะรายงานกล่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมระบบการจ่ายเชื้อเพลิง ให้หยุดกระทำการจ่ายน้ำมันโดยทันที ไม่จำเป็นต้องปลดเกียร์ว่าง (N) อะไร แล้วก็ยังได้ส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเกียร์ของท่านอีกด้วย เนื่องจากว่ารถยนต์ในขณะเคลื่อนด้วยความเร็ว เกียร์ที่อยู่ในตำแหน่ง(D) จะมีปั้มแรงกดดันสูง ส่งน้ำมันเกียร์เข้าไปหล่อลื่นอยู่ตลอดระยะเวลา

 

แต่ว่าปั้มน้ำมันของเกียร์ออโต้จะทำงานลดลงเมื่อเกียร์ อยู่ในตำแหน่ง (N) เมื่อไม่มีแรงดันที่เพียงพอจะดันน้ำมันไปหล่อลื่นเกียร์อย่างไม่เพียงพอ จะมีผลให้เกียร์ออโต้ของท่านร้อน และก็มีการสึกกร่อนเสียหายตามมา แล้วก็ด้วยต้นสายปลายเหตุนี้เองเวลารถยนต์ที่ใช้เกียร์ออโต้เสียรวมทั้งจึงควรลากไปอู่ก็เลยจำ เป็นอย่างยิ่งที่จะจะต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อช่วยลดความร้อนของเกียร์ขณะที่กำลังทำการดึงลาก หรือถ้าหากหาน้ำมันเกียร์มาเพิ่มมิได้ ควรจะยกให้ล้อที่ใช้ขับเคลื่อนให้ลอยพ้นผิวถนนเพราะระบบปั้มน้ำมัน เพาว์เวอร์ของระบบเกียร์อัตโนมัติหยุดปฏิบัติงาน ไม่แนะนำให้ถอดเพลาสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังเพระยุ่งยากแล้วก็เสียเวล่ำเวลามากครับผม ตอนนี้มีรถยนต์ยก 6 ล้อ แบบสไลด์ออนสามารถนำรถยนต์คันขึ้นไปไว้บนกระบะข้างหลัง สบายรวมทั้งไม่เป็นอันตรายต่อเกียร์อัตโนมัติแล้วก็รถยนต์ราคาสูงของท่านนะครับ

 

5 ระวังการเปลี่ยนใช้เกียร์ 2
การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ 2 ต้องระวังเนื่องด้วยตำแหน่ง 2 จะมีอัตตราทดเฉพาะเกียร์ 1 แล้วก็ 2 ซึ่งบริษัทผู้ผลิตต้องการทำให้คุณผู้ควบคุมรถยนต์ใช้งานในเรื่องที่ต้องการแรงบิดมากๆ ดังเช่นทางขึ้นเนินที่ออกจะชัน หรืออยากจะทำการหน่วงความเร็วของรถยนต์เอาไว้ ดังเช่นขณะที่ขับขี่รถลงเนิน(ENGINE BRAKE) หรือวิ่งบนทางที่วนเวียน ลาดชันมากๆ ห้ามใช้ตำแหน่งเกียร์ 2 ในขณะท่านขับขี่รถด้วยความเร็วสูง เพราะเหตุว่าจะมีผลให้เครื่องยนต์ใช้รอบเครื่องสูงตามไปด้วย จนกระทั่งเกินข้อจำกัดแล้วก็นำมาซึ่งความทรุดโทรม และก็บางทีอาจไถลเพราะเหตุว่าเกิดแรงบิดมหาศาลมากระทำที่ล้อ ทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวได้ขอรับ

 

6 ไม่สมควรขับลากเกียร์
โดยธรรมดาการขับรถเกียร์ออโต้ ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ (D) ระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมเกียร์จะกระทำการสั่งงานให้เปลี่ยนแปลงเกียรให้ขึ้นลงตาม ความเหมาะสมแล้วก็ความเร็วของรถยนต์อยู่ตลอดระยะเวลา บางคนรู้มากใช้แนวทางแปลงตำแหน่งเกียร์โดยการเลื่อนคันเกียร์ขึ้นลงเองใน ระหว่างที่รอบเครื่องดำเนินการสูงสุดเพียงแค่เพื่อหวังผลทางด้านอัตราเร่งแต่ว่าจะส่งผลทำ ให้ผ้าคลัทช์ แล้วก็ระบบทอกค์คอนเวอร์เตอร์มีการสึกเสียหาย รวมทั้งทำให้แก่การใช้แรงงานของเกียร์อัตโนมัติสั้นลง

 

7 ไม่ขับแบบเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเอง(คิกดาวน์)เป็นประจำ
การขับในตำแหน่ง (D)ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมเกียร์จะทำการคำนวนค่าของแรงต่างๆและก็เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เกียร์ตามความเร็วของรถยนต์ในเวลานั้นๆตลอดระยะเวลาอยู่แล้ว การกดคันเร่งเพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำหรือที่เรียกว่าคิกดาวน์ ไม่สมควรกระทำบ่อย หรือทำเท่าที่มีความจำเป็นสำหรับในการรีบแซงให้พ้นแค่นั้น ถ้าเกิดท่านทำเป็นประจำผ้าคลัทช์ของเกียร์จะทำงานมากและก็สึกหรอเร็วมากขึ้นขอรับ

 

8 ควรจะมีสายพ่วงแบตตารี่ติดด้านหลังรถยนต์ไว้ตลอดระยะเวลา
เหตุเพราะรถเกียร์ออโต้ไม่สามารถที่จะเข็นด้วยความเร็วต่ำแล้วกระตุ กสตารท์ให้เดินเครื่องยนต์ได้ราวกับรถยนต์เกียร์ปกติ การเข็นรถยนต์เกียร์อัตโนมัติแล้วก็ใช้แนวทางกระตุกสตารท์ จะต้องใช้ความเร็วอย่างต่ำ 20กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งเข็นด้วยแรงคนเป็นไปได้ยาก และก็ยังเสี่ยงกับความเสื่อมโทรมต่อเกียร์ในตอนที่กระทำการเข็นหรือลากอีกด้วย ควรจะตรวจสอบแบตตารี่ให้มีไฟเพียงพอต่อการสตารท์ทุกครั้งขอรับ

 

9 ควรหมั่นดูแลน้ำมันเกียร์ตามระยะเสมอ
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติหัวใจของการหล่อลื่นและยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถ ท่านให้ยาวนาน จึงควรเอาใจใส่ตรวจสอบบ่อยๆ การตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัด กำหนดหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางทีแนะนำ ไม่มีเกียร์อัตโนมัติใดไม่ต้องการการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้ งานของรถตามที่มีหลายๆบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โฆษณาชวนเชื่อให้รถยนต์ของตนดูทน ทานและแข็งแรงตามความเป็นจริงจากสภาพการจราจร อุณภูมิ และสภาพการขับขี่ เกียร์อัตโนมัติทุกยี่ห้อยังต้องการการดูแลแปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ ทางที่ใช้ครับ

 

10 ตำแหน่งในเกียร์อัตโนมัติ
เกียร์ P / PARKING-เป็นตำแหน่งเกียร์ที่ใช้จอดในลักษณะเป็นที่เป็นทางไม่จอดขวางทางรถคันอื่นแล้วใส่ตำแหน่งเกียร์นี้ไว้ หรือจอดในทางที่มีลักษณะลาดชัน และใช้ในตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์
เกียร์ R / REVERSE-เป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง เหยียบเบรคทุกครั้งที่จะเข้าเกียร์ในตำแหน่งนี้
เกียร์ N / NEUTRAL-เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้ในการตัดกำลังของเครื่องยนต์ที่ส่งลงมาสู่เกียร์ และใช้เป็นตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์
เกียร์ D / DRIVE-เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้าและใช้ในการขับขี่ตามปกติ โดยตำแหน่งเกียร์จะปรับเปลี่ยนเองตามคำสั่งของสมองกลที่ควบคุม ยกเว้นรถยนต์บางรุ่นที่มีสวิทช์ปรับเปลี่ยนระบบเกียร์และผู้ใช้เปิดสวิทช์เพื่อใช้งานในการปรับตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเอง
เกียร์ 2 เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้า แต่จะมีอยู่แค่ 1 และเกียร์ 2 อยู่ในตำแหน่งนี้ ใช้เพื่อขับขึ้นลงทางที่มีเนินสูงชัน ทางที่คดเคี้ยวไปมา ที่ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้
เกียร์ 1 / LOW-เกียร์ในตำแหน่งนี้ มีเพียงเกียร์ 1 เท่านั้น ใช้สำหรับงานหนักที่ต้องการกำลัง หรือรถติดหล่ม หรือทางขึ้น ลงเขาที่ชันมาก

 

และนี้คือ 10 วิธีใช้เกียร์ออโต้ แบบอยู่ด้วยกันนานๆ ขอให้สนุกกับการขับรถเกียร์อัตโนมัติทุกท่านครับ

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก mthai