หนูกัดสายไฟ

หนูกัดสายไฟ

หนูกัดสายไฟ

ผมมีปัญหา หนูกัดสายไฟ รถอีกแล้วครับ – -คราวนี้เล่นสะแย่เลย

เริ่มเลยครับ…เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนได้ขึ้นเหนือไปเยี่ยมคุณย่าที่เชียงใหม่ 3 วันซึ่งปกติตอนอยู่บ้านผมมักจะฉีดยาฆ่าแมลงไว้ที่ห้องเครื่องไว้ทุกคืนมันก็กันหนูได้ดีทีเดียวเลยล่ะ

แต่ทีนี้ ตอนที่ผมไม่อยู่ ใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะต้องทิ้งรถไว้ที่บ้าน ผมเลยจัดเต็ม อัดยาฆ่าแมงไว้ที่ห้องเครื่องเต็มที่ก่อนไป พร้อมวางกับดักหนูไว้ใต้ห้องเครื่องตรงที่คิดว่าหนูมันน่าจะปีนขึ้นไปได้ (ตอนแรกว่าจะซื้อกาวดักหนูที่เซเว่นใกล้บ้าน แต่ของหมด แล้วเขาก็ไม่สั่งมาทดแทนอีก ฮึ่ม!!!) โดยคิดว่าคงไม่โดน หนูกัดสายไฟแน่ๆ

หนูกัดสายไฟ

ปล่อยไว้ให้หลัง 3 วันแล้วกลับมาถึงบ้าน…..เปิดประตูรถ บิดกุญแจไปที่ ON ให้ระบบพร้อมทำงาน…..เอาล่ะสิ ไฟ D ที่เกียร์กระพริบ แต่ไฟเครื่องยนต์ดับปกติ
ลองบิด START ดูแล้วกัน ชึ่ง!!! (เสียงเครื่องยนตร์สตาร์ท)เครื่องทำงานปกติหมด แต่ D ก็ยังกระพริบอยู่ งานเข้าแล้วไง = =ผมเลยเรียกป๋าให้มาดู พอป๋าเห็น ป๋าก็มานั่งตำแหน่งคนขับแทน แล้วโยกเกียร์ขึ้นลงอย่างเมามัน…ทำยังไงรถก็ไม่เคลื่อนซักที ผมจึงจัดแจงให้ป๋าดับเครื่องแล้วเปิดฝากระโปรงรถขึ้นมาดู..

โอ้โห..!!!..กลิ่นฉี่หนู ขี้หนู แรงมากกกกกกกกก

ส่องไปๆ มาๆ เอ๊ะ สายไฟใต้กล่องกรองอากาศมันขาด จับๆ ดึงๆ ดูแล้วมันก็หลุดปึ้ด!!!! Shift หายแล้วไง!!!!

ผมกับป๋าเลยจัดแจงถอดกรองอากาศออกมาดูว่าสายไฟที่มันขาดนั้นเสียหายมากแค่ไหน แล้วก็ดังที่เห็นในภาพที่ผมแนบไว้ข้างล่างครับ กุดหมด ไม่เหลือซาก
ที่เหลือซากจริงๆ ก็คงเป็นสายที่ผมจับแล้วมันหลุดคามือนั่นล่ะ – -“

หนู-ป้องกันหนูกัดสายไฟ
หนูเจ้าตัวร้าย..

จะให้ช่างต่อสายไฟใหม่ก็ไม่ได้ เพราะมันกุดซะขนาดนั้น ถึงซ่อมได้ก็คงไม่คุ้มที่จะเสี่ยง ..ผมเลยโทรเรียกบริการรถลากของฮอนด้าลากไปที่ศูนย์ คิดว่าเปลี่ยนแค่สายไฟเกียร์ตรงนั้นก็ไม่เท่าไรมั้ง อย่างมากคงพันกว่าๆ..

ระหว่างเดินทางไปที่ศูนย์ ผมก็มีโอกาสได้คุยกับเจ้าหน้าที่รถลากระหว่างทาง
เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าสายไฟของ Jazz และ City ตรงนั้นเป็นจุดยอดนิยมของหนูเลยทีเดียว มีลูกค้าหลายรายโดนมากันเยอะแล้ว ยี่ห้ออื่น รุ่นอื่น ก็ไม่เว้น เพียงแต่ตำแหน่งหนูกัดจะต่างกันตามรุ่นรถเท่านั้นเอง..
เช่น Fiesta มักจะโดนที่สายหัวฉีด เป็นต้น (โอ…แรงกว่าเราอีกนะนั่น – -“)

เมื่อถึงศูนย์ เจ้าหน้าที่รถลากก็เอารถผมลง แล้วเรียกช่างมาดู..ช่างบอกว่าแบบนี้ต้องเปลี่ยนสายไฟชุดใหม่อย่างเดียว เหมือนคันข้างๆ พร้อมกับชี้ไปยังรถข้างๆ
รถคันข้างๆ ผมใช้รุ่นเดียวกันเด๊ะ หนูกัดที่เดียวกันเป๊ะ แต่ของเขายังพอขับมาได้ ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน หลังจากคุยกับช่างเสร็จ ช่างก็ส่งเรื่องต่อให้กับเจ้าหน้าที่รับบริการ…เจ้าหน้าที่บริการรับเรื่องเรียบร้อย พร้อมกับพิมพ์ใบประมาณราคาให้ดูพร้อมแผนผังสายไฟนี่…ผมลมแทบจับ

ค่าอะไหล่ +ค่าแรง รวมทั้งสิ้น 6667 บาท!!!!!!! แม่เจ้า!!!!!!!!!!!!!
ไอ้ที่หนูมันกัดน่ะ สายไฟที่ต่อมาจากสายหลักของเครื่องเลยทีเดียว = =

ไม่ไหวละ แบบนี้จ่ายเองไม่ไหว ผมจึงโทรเรียกประกันให้มาทำใบเคลมซ่อมรถแทน และตอนนี้ก็รอประกันอนุมัติซ่อมอย่างเดียวแล้วครับ

ตอนนี้ผมมีคำถามทิ้งท้ายครับว่า…ระหว่างที่รถผมกำลังซ่อมอยู่นั้น มีวิธีใดบ้างที่จะกำจัดหนูได้อย่างถาวร เพราะ….

  • กับดักหนูไม่ได้ผล
  • กาวดักหนูพอให้หนูเลี่ยงได้บ้างนิดหน่อย แต่ใช้ได้ไม่กี่วัน
  • สเปร์ยยาฆ่าแมลงใช้ได้แบบวันต่อวันเท่านั้น
  • ใช้ยาเบื่อหนูนั้นเสี่ยงเกินไป เพราะที่บ้านเลี้ยงหมาไว้
  • ส่วนใหญ่หนูมันมาจากบ้านตรงข้าม ซึ่งผมไม่อยากรบกวนเขาเท่าไร เดี๋ยวจะทะเลาะกันซะเปล่า – -“

ช่วยผมด้วย ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ T-T

ขอบคุณข้อมูลจาก https://bit.ly/2IIN9kS


เครื่องไล่หนูในรถ-wave-pro

หนูกัดสายไฟ ป้องกันด้วย Wave Pro

และนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆซึ่งปัญหาเหล่านี้เราสามารถป้องกันได้ในเบื้องต้น โดยทางร้านขอนำเสนอ เครื่องไล่หนูในรถยนต์ Wave Pro ที่สามารถจัดการปัญหา ในรถยนต์ของท่านได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ สามารถกดดูรีวิวในเพจได้เลย

เครื่องไล่หนู_ในรถยนต์_wave pro_12
รีวิว-เครื่องไล่หนู
หนูกัดสายไฟในรถ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *